คสช.รื้อใหญ่"ระบบราชการ" วิษณุเผยปรับโครงสร้าง-กฎระเบียบใหม่ คมนาคมชงตั้งกรมขนส่งทางราง
คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (
คสช.) เตรียมปรับโครงสร้างราชการครั้งใหญ่ พร้อมการปฏิรูปการเมือง โดยจะมีการตั้งหน่วยงานใหม่ อย่างเช่น
กระทรวงน้ำ และ
กรมขนส่งทางราง เพื่อยุบรวมหน่วยงานที่ทับซ้อนกับเข้าอยู่ในหน่วยงานเดียว อีกทั้งจะมีการปรับปรุงการบริการประชาชนและการตรวจสอบการทำงานของหน่วยราชการ
การปฏิรูประบบราชการ เป็นเรื่องสำคัญในทุกรัฐบาล และมักจะถูกบรรจุเป็นนโยบายรัฐบาล แต่ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างจริงจัง ซึ่งหาก
คสช.มีนโยบายจะเร่งปฏิรูป ก็มีความเป็นไปได้จะสำเร็จมากกว่าก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีอำนาจเบ็ดเสร็จ
นาย
วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(
คสช.) ในฐานะที่เป็นประธานคณะทำงานปรับบทบาท ภารกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของส่วนราชการด้านสังคม กล่าวในรายการ "อาทิตย์สโมสรกับวิษณุ" ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง TNN24 ตอน"สภาปฏิรูปจะปฏิรูปอะไรบ้าง" ว่า ช่วงนี้มีการพูดถึงการปฏิรูปด้านประเทศมากพอสมควร แต่ผู้เสนอแนวทางในการปฏิรูปคือสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เป็นแกนหลัก โดยไม่ได้ตัดสิทธิของประชาชนในการออกความคิดความเห็นที่สามารถส่งไปตามช่องทางต่างๆ
"แต่คำถามคือจะปฏิรูปอะไรกัน เพราะเวลาพูดถึงความไม่พออกพอใจความเดือดร้อนจากกิจการของรัฐด้านต่างนั้นมีมากมายจนไม่รู้จะปฏิรูปเรื่องใดก่อน ในรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557 กำหนดให้มีการปฏิรูป11ด้านเป็นอย่างน้อย ซึ่งสามารถเสนอแนวทางปฏิรูปเรื่องอื่นด้านที่12 13 14 ก็สามารถทำได้ แต่ด้านที่จะมีการปฏิรูปการเมือง ที่จะรวมถึงเรื่องกฎเกณฑ์ กติกา มารยาททางการเมือง และ
การปฏิรูประบบราชการน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ที่จะถูกพูดถึงมากที่สุดนับจากนี้ไป"
นายวิษณุ กล่าวว่า
การปฏิรูประบบราชการหมายถึงการปฏิรูปตำรวจ ฝ่ายปกครอง ศาล อัยการ หรือแม้แต่กิจการราชทัณฑ์ ทนายความและงานที่เกี่ยวกับการให้บริการภาครัฐ
"จากนี้ไปเราจะได้ยินเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างของระบบราชการ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ วิธีทำงานของข้าราชการ ว่าทำอย่างไรให้คนที่ทำงานราชการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและบริการประชาชนอย่างอุทิศกายและใจ ทำราชการด้วยความรวดเร็วว่องไวให้ความสะดวกไว้เนื้อเชื่อใจแก่ประชาชนที่มาติดต่อราชการ รวมทั้งต้องพูดถึงเรื่องอัตรากำลังที่ไม่ให้ระบบราชการใหญ่โตเทอะทะ เต็มไปด้วยผู้คนมากมายหรือว่าทำงานทั้งวันได้พันห้าเดินไปเดินมาได้ห้าพันอย่างที่เพลงร้องประชดกัน ทำอย่างไรให้ข้าราชการมีค่าตอบแทนที่เพียงพอ " นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่ามีการพูดถึงเรื่องว่าน่าจะตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ำ เอาหน่วยงานที่เกี่ยวกับน้ำทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน เพราะบทเรียนมหาอุทกภัยที่ผ่านมาหน่วยงานน้ำยังกระจัดกระจายกันอยู่ หากนำมารวมกันแล้วบริหารจัดการให้ดีก็น่าจะได้ประโยชน์ มีการพูดกันว่าอาจจะมีการตั้งกรมขึ้นมาสักกรมหนึ่ง เช่น
กรมขนส่งทางราง กิจการที่ไม่ได้ขนส่งทางบกแต่เป็นการขนส่งทางราง หมายถึงรถไฟรางเดี่ยว รางคู่ แม้กระทั่งรถไฟความเร็วสูง หรือรถราง รถไฟฟ้า รถลอยฟ้า รถใต้ดิน น่าจะมารวมกันที่
กรมขนส่งทางราง โดยรัฐดูแลออกแบบวางมาตรฐาน ก่อสร้างดูเฉพาะเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนการเดินรถก็ให้เอกชนรับช่วงต่อ
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เจตนารมณ์ของการตั้งขึ้นไม่ได้คิดเลยว่าจะให้เป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติแห่งที่2 ไม่เช่นนั้นก็จะซ้ำซ้อนกันหรือแย่งกันทำงาน แต่เขาออกแบบให้ทำ "คดีพิเศษ" ที่ตำรวจปกติจะรับมือได้ยาก ไม่ใช่คดีอาชญากรรมธรรมดาหรืออาชญากรรมตามท้องถนน(Street crime) เช่นอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ อาชญากรรมที่มีความสลับซับซ้อนมาก แต่เมื่ออยู่ไปหรืออยู่มากรมนี้มักจะเหมาเอาหลายคดีเข้ามาเป็นคดีพิเศษ จนกระทั่งไปถึงคดีที่ดูแสนจะธรรมดาก็ระดับเป็นคดีพิเศษเพื่อจะเอามาทำ
" คงต้องคิดกันเสียใหม่แล้วครับว่าตกลงกรมสอบสวนคดีพิเศษตั้งขึ้นมาเพื่อจะทำอะไรแน่ " นายวิษณุ กล่าว
ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวิษณุ กล่าวว่า ย้อนไป10 ปีที่ผ่านมาอาจจะมีความจำเป็นที่ต้องนำมาไว้ในกระทรวงเดียวกัน แต่ตอนนี้คงต้องทบทวนแล้วว่าท่องเที่ยว และ กีฬา อยู่ในกระทรวงเดียวกันได้หรือไม่ เพราะในที่สุดข้าราชการในกระทรวงนี้ต้องแบ่งภาคความชำนาญยากมาก เพราะจะไปด้านการท่องเที่ยวหรือด้านกีฬากันแน่ เพราะด้านหนึ่งคือด้านของเศรษฐกิจอีกด้านเป็นเรื่องของนันทนาการ สุขภาพและอนามัย และความเข้มแข็งของคนในชาติ นี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องทบทวนกัน (อ่านรายละเอียดหน้า2)
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวง
คมนาคม เปิดเผยว่าก.พ.ร.ได้เข้ามาหารือถึงการก่อตั้งกรมการขนส่งทางราง โดยก.พ.ร. เสนอข้อมูล เบื้องต้นว่ากระทรวง
คมนาคมต้องมีความพร้อมด้านใดบ้างถึงจะ ก่อตั้ง
กรมขนส่งทางรางได้
ทั้งนี้การตั้งกรมการขนส่งทางรางจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟู
การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ซึ่งกระทรวง
คมนาคมกำลังพิจารณาและจะส่งให้สำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาร่วมกัน โดยจะเสนอให้แยกรฟท.เป็นผู้เดินรถ (Operator) ส่วนกรมฯเป็นผู้ดูแลกฎระเบียบ (Regulator) เพื่อดูแลมาตรฐานในทุกด้าน จากปัจจุบันที่รฟท. เป็นทั้งผู้เดินรถและผู้ดูแลกฎระเบียบ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่กระทรวง
คมนาคม และ รฟท. ต้องมีความเห็นไปในทางเดียวกัน
"ยังไม่ได้พูดคุยกับรฟท. คงต้องนัดหารือกันต่อไป จะผลักดันเรื่องนี้ให้เสร็จภายใน 1 ปี ที่อยู่ในตำแหน่ง"
เผย'วิษณุ'สั่งก.พ.ร.ส่งแผน
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่าได้ประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เกี่ยวกับการปรับบทบาทหน้าที่ ภารกิจ โครงสร้าง เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการของส่วนราชการ โดยสั่งก.พ.ร.นำผลการศึกษาการปรับปรุงบทบาทหน้าที่ รวมทั้งการตั้งหรือยุบหน่วยงานราชการใหม่ที่ได้มีการศึกษาความเหมาะสม ก่อนจะเสนอให้กับหัวหน้า
คสช.พิจารณา
"ขณะนี้ก็ต้องขึ้นกับการตัดสินใจของ
คสช.ว่าจะดำเนินการปรับเปลี่ยนอย่างไร"
หากจะมีการตั้งกระทรวงหรือหน่วยงานใหม่ ก็จะต้องมีการออกเป็นกฎหมายคือเป็น พ.ร.บ.โดยจะมีการขอความเห็นของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งก.พ.ร.ซึ่งเป็นผู้ศึกษาก่อนที่จะมีการนำร่าง พ.ร.บ.เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) จากนั้นผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)
สำหรับการจัดตั้งหน่วยราชการใหม่ เช่น กระทรวงทรัพยากรน้ำ แหล่งข่าวกล่าวว่าเป็นสิ่งที่มีการนำเสนอและมีการศึกษาความเหมาะสมมาเป็นระยะเวลานานเนื่องจากในปัจจุบันการบริหารจัดการน้ำของประเทศยังไม่มีเจ้าภาพหลักที่ชัดเจน
“ต้องยอมรับว่าในการทำงานของหน่วยงานราชการบางหน่วยงานก็มีลักษณะงานที่คล้ายคลึงและทับซ้อนกัน แต่หากให้มีการเปลี่ยนแปลง ยุบเลิก หรือโอนย้ายส่วนใหญ่ก็ไม่อยากดำเนินการเพราะแต่ละกระทรวงก็มีกำลังคนมีงบประมาณของตัวเอง เรื่องนี้จึงต้องเป็นฝ่ายนโยบายสั่งการซึ่งต้องรอดูว่าทิศทางเป็นอย่างไร” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ โครงสร้างของกระทรวงทรัพยากรน้ำที่ ก.พ.ร.ศึกษาไว้แบ่งงานออกเป็น 5 ส่วนหลักๆคือ งานด้านนโยบาย การจัดหาน้ำปัจจัยพื้นฐาน การจัดการลุ่มน้ำปัจจัยการผลิต การจัดสรรบริหารน้ำเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม และการจัดการน้ำเพื่อสิ่งแวดล้อม และจัดการน้ำเสีย
สำหรับหน่วยงาน ที่อาจต้องยุบรวม คือ กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำนักจัดการคุณภาพน้ำ กรมควบคุมมลพิษ กรมชลประทาน สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร นอกจากนั้นยังมีรัฐวิสาหกิจของกระทรวงมหาดไทย ได้แก่ การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค กรมโยธาธิการและผังเมือง ส่วนหน่วยงานของกระทรวง
คมนาคมที่จะต้องโอนย้ายมา ได้แก่ สำนักพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำ กรมการขนส่งทางน้ำ เป็นต้น
ด้านนายอิสรกุล อุณหเกตุ นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (
ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่าจากการศึกษา ร่าง พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ... ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้ให้ความเห็นชอบมาตั้งแต่ปี 2555 รวมทั้งเป็นหนี่งในกฎหมายที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น และ7 องค์กรภาคธุรกิจ เสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (
คสช.) เร่งรัดการบังคับใช้เพื่อเป็นเครื่องมือหนึ่งในการลดขั้นตอน ระยะเวลาและต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ
เขากล่าวต่อไปว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีเป้าหมายที่ต้องการปรับปรุงการขออนุญาตภาครัฐทั้งในส่วนของการประกอบธุรกิจและการขออนุญาตต่างๆที่ประชาชนต้องขอจากภาครัฐโดยเน้นปรับปรุงในสองส่วนคือ 1.การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ 2.การเพิ่มความโปร่งใสและเพิ่มความรับผิดชอบ
นอกจากนี้ยังกำหนดให้ ก.พ.ร. รายงานต่อ ครม.พร้อมทั้งเสนอแนะการพัฒนาหรือปรับปรุงหน่วยงานหรือระบบการปฏิบัติราชการ ในกรณีที่ผู้อนุญาตดำเนินการพิจารณาอนุญาตล่าช้ากว่าที่กำหนดในคู่มือสำหรับประชาชนเกินสมควร หรือล่าช้าเพราะขาดประสิทธิภาพ และควรปรับเปลี่ยนให้ ก.พ.ร. ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตของทุกหน่วยงานอยู่แล้วเป็นผู้พิจารณาปรับปรุงกฎหมาย โดยรับฟังความเห็นจากหน่วยงานผู้อนุญาตและผู้มีส่วนได้เสียประกอบการพิจารณา
“แม้ว่าการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐ แต่กฎหมายเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมกิจกรรมทางสังคมเศรษฐกิจ หากมีการกำกับควบคุมโดยใช้กฎหมายและกฎระเบียบมากเกินไป (overregulation) ก็ย่อมสร้างภาระต้นทุนแก่สังคม และส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ"