สมาคมฯใคร่ขอให้ท่านได้โปรดเข้ามากรอกข้อมูลที่เป็นชื่อ จริง นามสกุลจริง รายละเอียดอื่นๆของท่าน เนื่องจาก สมาคมฯจะจัดทำบัตรสมาชิกใหม่ให้กับทุกท่านโดยเป็นระบบมาตรฐานและฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ มีแถบแม่เหล็ก และจะใช้เป็นบัตร สะสมแต้มในการเข้าร่วมรายการต่างๆ กับบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมกิจกรรมกับสมาคมฯทั้งเพื่อให้ได้ฐานข้อมูลที่ทันสมัยถูกต้องและสามารถติดต่อข้อมูลข่าวกับสมาชิกได้สะดวกรวดเร็ว ช่วงนี้สมาคมฯเปิดรับสม้ครสมาชิกใหม่ฟรีในระบบออนไลน์ ขอให้ท่านได้เข้าไปกรอกข้อมูลที่ คลิกเข้าไปกรอกข้อมูลที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รัฐบาลทุ่ม 2.29 หมื่นล้านบาท ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ-พนักงานราชการ 1.98 ล้านคน 4-10% มีผลย้อนหลัง 1ธ.ค. 2557

รัฐบาลทุ่ม 2.29 หมื่นล้านบาท ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ-พนักงานราชการ 1.98 ล้านคน 4-10% มีผลย้อนหลัง 1ธ.ค. 2557




พร้อมอนุมัติแพ็คเกจด้านการคลัง จัดตั้งนาโนไฟแนนซ์ ลดภาษีเงินได้เอสเอ็มอี ลดภาษีนำเข้าเครื่องจักร-วัตถุดิบเหลือ 0% และพันธบัตรแสนล้าน จำหน่ายประชาชนทั่วไปต้นปีหน้า
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (9 ธ.ค.) อนุมัติปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ 1.98 ล้านคน โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2557 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้อนุมัติเพิ่มค่าครองชีพให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยไปแล้ว
น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพลเรือน (ก.พ.) เสนอให้ปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั้งระบบจำนวน 1.98 ล้านคน โดยใช้งบประมาณปี 2558 ทั้งสิ้น 22,900 ล้านบาท โดยจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างกฎหมายก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และจะมีผลย้อนหลังให้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2557
การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการในครั้งนี้ เป็นการปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบครอบคลุมข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการรัฐสภาสามัญ และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
ประกอบด้วยสาระสำคัญ 3 ประการ คือ 1. การปรับบัญชีเงินเดือนและการแก้ไขกฎหมาย ขยายเพดานเงินเดือนขั้นสูงของทุกระดับหรือทุกอันดับ ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภทเพิ่มขึ้น 3 ขั้น สำหรับบัญชีเงินเดือนแบบขั้น หรือ ประมาณ 10%
สำหรับบัญชีเงินเดือนแบบช่วง รวมทั้งปรับปรุงบัญชีเงินเดือนข้าราชการให้สอดคล้องกับการดำรงตำแหน่ง โดยในส่วนของข้าราชการพลเรือนสามัญ ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการได้รับเงินเดือนโดยแก้ไขชื่อระดับในบัญชีเงินเดือนเพื่อให้ข้าราชการได้รับเงินเดือนในระดับสูงกว่าหรือต่ำกว่าระดับตำแหน่งที่ดำรงได้ รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติเพื่อให้ ก.พ. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเยียวยาให้ข้าราชการได้รับเงินเดือนและหรือเงินประจำตำแหน่งได้
ขณะที่ข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม ปรับปรุงจำนวนขั้นเงินเดือนของบางระดับ (ป.3 และ น.1 - น.3) ให้สอดคล้องกับระดับชั้นยศ ข้าราชการตำรวจปรับปรุงจำนวนขั้นเงินเดือนของบางระดับ (ป3. และ ส.1 -ส3) ให้สอดคล้องกับระดับชั้นยศ และข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ปรับเงินเดือนขั้นสูงของอันดับครูผู้ช่วยมากกว่า 10% เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของคุณวุฒิปริญญาเอก ทั้งนี้ โดยการแก้ไขบัญชีเงินเดือนแนบท้ายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการประเภทต่าง ๆ และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2557
ระบบเงินเดือนแบบขั้นเพิ่ม4%
2. การปรับเงินเดือนข้าราชการ ให้ข้าราชการได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่ม 1 ขั้น สำหรับระบบเงินเดือนแบบขั้น หรือ 4% ของอัตราเงินเดือน สำหรับระบบเงินเดือนแบบช่วง ณ วันที่บัญชีเงินเดือนข้าราชการมีผลใช้บังคับ ในกรณีที่การปรับอัตราเงินเดือนดังกล่าวทำให้อัตราใดมีเศษไม่ถึง 10 บาทให้ปัดเป็น 10 บาท
ทั้งนี้ ปรับเงินเดือนให้ข้าราชการ 6 ประเภท ดังนี้ 1.ข้าราชการพลเรือนสามัญ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการซึ่งรับเงินเดือน ระดับปฏิบัติการและระดับชำนาญการ และผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไปซึ่งรับเงินเดือนระดับปฏิบัติงานและระดับชำนาญงาน 2.ข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งรับเงินเดือนตั้งแต่ระดับ น.3 ลงมา 3.ข้าราชการตำรวจ ซึ่งรับเงินเดือนตั้งแต่ระดับ ส.3 ลงมา 4.ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งรับเงินเดือนตั้งแต่อันดับ คศ.2 ลงมา.
5.ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ผู้ดำรงตำแหน่งวิชาการซึ่งรับเงินเดือนตำแหน่งอาจารย์ และผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะหรือเชี่ยวชาญเฉพาะซึ่งรับเงินเดือนระดับปฏิบัติการและระดับชำนาญการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไปซึ่งรับเงินเดือนระดับปฏิบัติงานและระดับชำนาญงาน และ 6.ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการซึ่งรับเงินเดือน ระดับปฏิบัติการและระดับชำนาญการ และผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไปซึ่งรับเงินเดือนระดับปฏิบัติงานและระดับชำนาญงาน
เงินเดือนตันนำค่าตอบแทนพิเศษมารวมได้
3.การได้รับเงินเดือนกรณีข้าราชการได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูง หรือเงินเดือนตัน และได้รับค่าตอบแทนพิเศษตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการและลูกจ้างประจำผู้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงหรือใกล้ถึงขั้นสูงของอันดับหรือตำแหน่ง ปี 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นำค่าตอบแทนพิเศษตามผลการประเมินในรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2557 ถึง วันที่ 30 ก.ย. 2557 มารวมเป็นเงินเดือนตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2557
ทั้งนี้การปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จะครอบคลุมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทต่าง ๆ รวมประมาณ 1.98 ล้านคน ประกอบด้วย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ข้าราชการรัฐสภาสามัญ พนักงานราชการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในองค์กรอิสระและองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ ได้แก่ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
สำนักงบประมาณได้จัดเตรียมงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแล้ว ในวงเงิน 22,900 ล้านบาท
เพิ่มค่าตอบแทนพนักงานราชการ4%
นอกจากนี้ที่ประชุมครม.ยังเห็นชอบให้ปรับค่าตอบแทนพนักงานราชการ โดยให้พนักงานราชการกลุ่มงานบริการ กลุ่มงานเทคนิคทั่วไป กลุ่มงานบริหารทั่วไป และกลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ ได้รับค่าตอบแทนเพิ่ม 4% โดยให้มีผลใช้บังคับ 1 ธ.ค.2557 โดยเทียบเคียงกับข้าราชการประเภทวิชาการระดับตำแหน่งไม่เกินระดับชำนาญการ ประมาณการพนักงานราชการที่จะได้รับค่าตอบแทนเพิ่ม จำนวน 126,200 คน และปรับเพดานบัญชีค่าตอบแทนขั้นสูง กลุ่มงานบริการ กลุ่มงานเทคนิคทั่วไป กลุ่มงานบริหารทั่วไป และกลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ อีก 4% เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับค่าตอบแทนของพนักงานราชการ เช่นเดียวกับการปรับบัญชีค่าตอบแทนของพนักงานราชการทุกครั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับวันเดียวกับการปรับเพิ่มเพดานเงินเดือนขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ
ไฟเขียว4มาตรการคลัง
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าครม.เห็นชอบมาตรการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันและช่วยเหลือประชาชนจำนวน 4 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการจัดตั้งสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เพื่อเป็นนโยบายที่ช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยหรือขาดสภาพคล่องในการประกอบอาชีพซึ่งมักมีปัญหาในการต้องไปกู้ยืมสินเชื่อนอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูง 10 - 20% ต่อเดือน แต่มาตรการนาโนไฟแนนซ์จะปล่อยกู้รายละไม่เกิน 100,000 บาท และคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3% ต่อเดือนหรือไม่เกิน 36% ต่อปี
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการออกประกาศและหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งนาโนไฟแนนซ์และเปิดให้ขึ้นทะเบียนภายในเดือน ธ.ค.ซึ่งเบื้องต้นจะเปิดกว้างให้ผู้ที่จะปล่อยกู้ทั้งนิติบุคคลทั้งที่เป็นสถาบันการเงินและไม่ได้เป็นสถาบันการเงินซึ่งมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน คาดว่าจะสามารถเริ่มปล่อยกู้ได้ภายในเดือน ก.พ.2558
คาดเอสเอ็มอีได้ประโยชน์2.8หมื่นราย
2.มาตรการปรับลดภาษีสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยให้ปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี และมีกำไรระหว่าง 1 - 3 ล้านบาทต่อปีให้เสียภาษีนิติบุคคลลดลงจากเดิม 20% เหลือ 15% ส่วนเอสเอ็มอีที่ได้กำไรจากการดำเนินกิจการเกินปีละ 3 ล้านบาทให้เสียภาษีในอัตรา 20% เหมือนเดิม
คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ 2.8 หมื่นราย โดยมาตรการนี้จะส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 1,900 ล้านบาท แต่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสภาพคล่องของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในภาพรวมและส่งผลให้สามารถเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นในอนาคตและคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุนในประเทศเพิ่มอีก 700 ล้านบาท
ลดภาษีนำเข้าเครื่องจักร-วัตถุดิบกว่าพันรายการ
3.มาตรการการปรับปรุงโครงสร้างอัตราภาษีศุลกากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอใน 2 ส่วนโดยในส่วนแรกเสนอให้มีการยกเว้นอากรขาเข้ากลุ่มสินค้าวัตถุดิบ ปัจจัยการผลิตที่ไม่มีผลิตในประเทศ เครื่องจักร เครื่องมือ และวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักร เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต จำนวน 1,274 รายการ เช่นก๊าซธรรมชาติ สังกะสี เนื้อสัตว์ที่ทำเป็นเพลเลต ไม้สน เครื่องจักรกังหันใบพัด ฯลฯ จากปัจจุบันที่มีการเก็บภาษีขาเข้าสินค้าในกลุ่มนี้อยู่ในอัตรา 1- 10%
นอกจากนี้ การปรับลดอัตราอากรขาเข้าสินค้าอีก 258 รายการที่เคยมีการเก็บอากรขาเข้าอยู่ที่ 20% และ 30% เหลือ 10% เพื่อลดภาระต้นทุนให้กับผู้ประกอบการที่ใช้สินค้าในกลุ่มเครื่องมือ เครื่องจักร และวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนผลิตและเป็นปัจจัยการผลิต
ทั้งนี้กระทรวงการคลังประเมินว่ามาตรการปรับปรุงโครงสร้างอัตราภาษีศุลกากรใน 2 ส่วนนี้จะส่งผลกระทบทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละ 6,100 ล้านบาท อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังรายงาน ครม.ว่ามาตรการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้เพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมที่จะปรับตัวดีขึ้นเพิ่มรายได้และภาษีที่รัฐจะจัดเก็บได้ในอนาคต
ออกพันธบัตรแสนล้านขายต้นปีหน้า
4.ครม.อนุมัติให้มีการออกพันธบัตรออมทรัพย์ (Saving Bond) วงเงิน 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.พันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณปี 2558 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท อายุไถ่ถอนพันธบัตร 10 ปีและ 2.พันธบัตรธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อใช้หนี้โครงการรับจำนำข้าววงเงิน 5 หมื่นล้านบาท อายุไถ่ถอนพันธบัตร 5 ปี โดยพันธบัตรทั้ง 2 ประเภทจะเริ่มเปิดขายในวันที่ 12 - 16 ม.ค.2558 โดยจำกัดวงเงินในการซื้อไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อราย โดยหากยังจำหน่ายไม่หมดในระยะเวลาดังกล่าวจะเปิดขายโดยไม่จำกัดวงเงินในการซื้อ
“การออกพันธบัตรเป็นมาตรการที่เราต้องการให้ประชาชนออมเงินและดึงเงินจากคนรวยมาใช้หนี้ ซึ่งสาเหตุที่ออกมา 1 แสนล้านบาทเนื่องจากดูขนาดของตลาดแล้วสามารถรับได้ ส่วนจะมีการออกพันธบัตรมาใช้หนี้จำนำข้าวเพิ่มเติมหรือไม่ต้องดูความเหมาะสมและสถานการณ์ในปีต่อไปว่าขายข้าวหรือไม่ ซึ่งการออมเงินด้วยพันธบัตรรัฐบาลผลตอบแทนก็น่าจะใกล้เคียงกับ 4% ส่วนมาตรการอื่นๆ อีก 2 มาตรการที่จะออกมา ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีขอไปดูรายละเอียดก่อน และคาดว่าจะเสนอให้กับครม.พิจารณาครั้งหน้าโดยมาตรการทั้งหมดเป็นมาตรการในระยะสั้นและระยะยาวที่กระทรวงการคลังมีแผนอยู่แล้วไม่ใช้เป็นของขวัญปีใหม่แต่อย่างใด” นายสมหมายกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ads.txt

google.com, pub-4865607100783107, DIRECT, f08c47fec0942fa0